ผู้เขียนเชื่อว่าหลายท่านที่กำลังอ่านบทความนี้ อาจเคยสงสัยและตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตต่างดาว หรืออารยธรรมบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ จากข้อสงสัยอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับพวกท่านนี้ ทำให้มนุษยชาติได้คิดค้นและเอาชนะขีดจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบคอมพิวเตอร์ หรือด้านการติดต่อสื่อสาร จนทำให้เกิดเป็นโครงการ SETI (the Search for Extraterrestrial Intelligence) โครงการว่าด้วยเรื่องของ “อารยธรรมต่างดาวที่ทรงภูมิปัญญา”
จากข้อสงสัยอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับพวกท่านนี้ ทำให้มนุษยชาติได้คิดค้นและเอาชนะขีดจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบคอมพิวเตอร์ หรือด้านการติดต่อสื่อสาร จนทำให้เกิดเป็นโครงการ SETI (the Search for Extraterrestrial Intelligence) โครงการว่าด้วยเรื่องของ การค้นหาอารยธรรมต่างดาวที่ทรงภูมิปัญญา”
ในอดีต นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ซึ่งมีพื้นฐานจากข้อสันนิษฐานที่ว่า “เราสามารถติดต่อสื่อสารกับอารยธรรมต่างดาวได้ผ่านการส่งสัญญาณวิทยุ”

Credit: Alex Savello/NRAO
ย้อนกลับไปในปี 1959 นักฟิสิกส์ 2 ท่านนามว่า Phillip Morrison and Giuseppe Cocconi ได้คิดค้นการทดลองหนึ่งขึ้นมา โดยทั้งสองท่านจินตนาการว่า มีเครื่องปล่อยสัญญาณวิทยุที่มีพลังงานสูงอยู่เครื่องหนึ่ง ซึ่งส่งสัญญาณไปที่ตัวรับสัญญาณขนาดใหญ่ จากนั้นทั้งสองท่านได้ค่อย ๆ คิดว่า ถ้าหากแยกตัวส่งสัญญาณและตัวรับสัญญาณออกจากกันเรื่อย ๆ จะยังสามารถส่งสัญญาณวิทยุหากันได้หรือไม่
และคำตอบที่ได้ก็คือ ไม่ว่าจะแยกตัวส่งสัญญาณออกไปจากตัวรับสัญญาณไกลแค่ไหน แต่ตัวรับสัญญาณยังสามารถรับสัญญาณได้ปกติ เมื่อนำมาผนวกกับการคำนวณทางทฤษฎีแล้ว ทั้งสองท่านพบว่า “แม้ว่าจะแยกตัวสังสัญญาณและตัวรับสัญญาณออกจากกันเป็นระยะทางหลายปีแสง แต่ก็ยังสามารถสังสัญญาณถึงกันได้เช่นเดิม” ทำให้สรุปเป็นแนวคิดได้ว่า “สัญญาณวิทยุเป็นอีกหนึ่งทางเลือก หากต้องการที่จะติดต่อสื่อสารกันระหว่างดวงดาว”
นักวิทยาศาสตร์หลายท่านต่างก็ตระหนักว่าเราไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้จากการนั่งจรวดและมุ่งตรงไปยังดาวของมัน เหมือนในภาพยนต์ที่เราเห็นกันได้ทั่วไป เนื่องจากในความเป็นจริง ด้วยระยะห่างระหว่างดวงดาวที่มหาศาล ทำให้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ แต่ในขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์หลายท่านก็มีแนวคิดว่า ด้วยเทคโนโลยีต่างดาวที่มีความเจริญก้าวหน้า สิ่งมีชีวิตหรืออารยธรรมต่างดาวอาจจะเป็นฝ่ายที่มาเยือนเราก่อนก็เป็นได้

Credit: https://spectrum.ieee.org/search-extraterrestrial-intelligence-major-upgrade
ในปัจจุบัน โครงการ SETI มุ่งเป้าไปที่การพัฒนากล้องโทรทรรศน์วิทยุ โดยพัฒนาตัวรับสัญญาณขนาดใหย่ สำหรับรับสัญญาณที่มีความเข้มต่ำ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะถูกส่งมาจากอารยธรรมต่างดาว
“Forget the rockets and bring on the photons”
นี่เป็นคำกล่าวที่มีหมายความว่า ให้ลืมจรวดหรือยานอวกาศ แล้วหันไปให้ความสนใจสัญญาณหรืออนุภาคที่ถูกส่งมายังโลก ซึ่งสัญญาณวิทยุสามารถทะลุผ่านฝุ่นและแก๊สได้ด้วยความเร็วแสง ซึ่งมากกว่ายานอวกาศประมาณ 20,000 เท่า
เป็นที่ทราบดีว่า 6 ทศวรรษนับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้มา ยังไม่มีสัญญาณจากอารยธรรมต่างดาวเลย ซึ่งก็ได้มีหลายข้อสันนิษฐานที่ถูกพูดถึง ไม่ว่าจะเป็น จานรับสัญญาณไม่ได้หันไปในทิศทางที่ถูกต้องและไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากพอจะรับสัญญารจากจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ได้ หรือบางข้อสันนิษฐานอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอยู่ในจักรวาลนี้เลย และมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในจักรวาลโครงการ SETI (the Search for Extraterrestrial Intelligence) เริ่มต้นจากโครงการเล็ก ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ NASA จากคำถามที่ว่า “ในจักรวาลนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาอาศัยอยู่หรือไม่” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีนักวิจัยหลายท่านได้ร่วมงานกับโครงการนี้ ซึ่งนักวิจัยเหล่านั้นล้านมีเป้าหมายหลักที่ตรงกันคือต้องการทราบถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่นอกเหนือชั้นบรรยากาศของโลก