การค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ หลายคนอาจนึกถึงสิ่งที่เปลี่ยนโลก ช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า รถไฟ หรือไอโฟน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าการค้นพบที่สำคัญที่สุดของนักวิทยาศาสตร์ครั้งหนึ่ง เกี่ยวข้องกับการรักษาชีวิตมนุษย์จากความอดอยาก
คุณงามความดีของ ฮาร์เบอร์
ฟริตซ์ ฮาร์เบอร์ (Fritz Haber) นักเคมีชาวเยอรมัน เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ในปี 1868 โดยผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา และยังส่งผลให้เขาได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมาคือ การค้นพบกระบวนการสังเคราะห์แอมโมเนียในระดับอุตสาหกรรม เพื่อนำไนโตรเจนจากอากาศ มาใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรม
ในยุคนั้น วิทยาการยังไม่ดีมากพอ เกษตรกรรู้ว่า ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชผล แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครสามารถสกัดไนโตรเจนจำนวนมากจากอากาศได้ ทำได้เพียงสกัดจากแหล่งอื่น เช่น เหมืองดินประสิว (โพแทสเซียมไนเตรต) ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตปุ๋ยไนโตรเจนสูงมาก
ตลอดศตวรรษที่ 19 มีทฤษฎีหลักการเติบโตของประชากร ที่เสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษที่มีชื่อว่า ทอมัส มัลทัส (Thomas Malthus) กล่าวถึงอัตราการเติบโตของผลผลิตทางการเกษตรเป็นแบบลำดับเลขคณิต (เพิ่มด้วยส่วนต่างคงที่ เช่น 2, 4, 6, 8, 10 …) ในขณะที่อัตราการเติบโตของประชากรมนุษย์เป็นลำดับเรขาคณิต (เพิ่มด้วยอัตราทวีคูณแบบคงที่ เช่น 2, 4, 8, 16, 32, …) อีกไม่นาน อาหารจะมีไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงมนุษย์ทั่วทั้งโลกอย่างแน่นอน ถ้าการค้นพบครั้งสำคัญของ ฟริตซ์ ฮาร์เบอร์ ไม่เกิดขึ้น
ในปี 1909 ฟริตซ์ ฮาเบอร์ ร่วมงานกับ คาร์ล บอสช์ (Carl Bosch) คิดค้นกระบวนการจับไนโตรเจนในอากาศได้สำเร็จ และสามารถผลิตแอมโมเนียในระดับอุตสาหกรรมเพื่อนำไปผลิตเป็นปุ๋ยเคมีได้ในเวลาต่อมา มีการประเมินว่าปุ๋ยที่ผลิตได้จากกระบวนการที่เขาค้นพบสามารถหล่อเลี้ยงคนได้มากถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก ถือว่าฮาร์เบอร์ได้สร้างคุณประโยชน์ด้วยการช่วยชีวิตมนุษยชาติจากความหิวโหย
บิดาแห่งสงครามเคมี
แต่ขณะเดียวกัน ฟริตซ์ ฮาเบอร์ ยังได้ชื่อว่าเป็น บิดาแห่งสงครามเคมี (Father of Chemical Warfare) เพราะเขายังมีผลงานช่วยรัฐบาลพัฒนาแก๊สพิษที่ใช้เป็นอาวุธในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น แก๊สมัสตาร์ด (mustard) แก๊สคลอรีน (chlorine) และแก๊สฟอสจีน (phosgene)
หลายคนรอบตัวไม่เห็นด้วยกับฮาร์เบอร์ รวมถึงภรรยาของเขา คลารา อิมเมอร์วาห์ (Clara Immerwahr) ซึ่งมีปากเสียงกัน เพราะไม่อยากให้เขาใช้วิทยาศาสตร์มาเข่นฆ่าผู้คน ฮาเบอร์ประนามภรรยาว่า “ไม่รักชาติ” และได้ตอบโต้ไปว่า “ในยามสันติ นักวิทยาศาสตร์ทำเพื่อมนุษยชาติ ส่วนในยามสงคราม นักวิทยาศาสตร์ทำเพื่อประเทศชาติ” จนในปี 1915 คลาราก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยปืนสั้นของสามี
หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 ในเวลาต่อมา อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ก็ขึ้นเป็นใหญ่ในประเทศเยอรมนี แต่แทนที่จะตอบแทนคนจงรักภักดีกับชาติด้วยรางวัล ฮาร์เบอร์ซึ่งมีเชื้อสายยิว กลับถูกโจมตีจากทางรัฐบาล ลูกทีมนักวิจัยถูกไล่ออกจนหมด แก๊สพิษไซคลอนบี (Zyklon B) ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยของฮาร์เบอร์ ถูกนำมาใช้สังหารญาติพี่น้องชาวยิวของเขา ส่วนตัวฮาร์เบอร์ต้องร่อนเร่พเนจรออกจากประเทศที่เขารัก ไปทั่วทวีปยุโรป และจบชีวิตลงในวัย 65 ปี ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เรื่องราวน่าสนใจของ ฟริตซ์ ฮาเบอร์ ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย น่าติดตามอีกหลายอย่าง ถ้าหากว่ามีโอกาส The Principia จะทำหน้าที่หยิบยกเรื่องราวเหล่านั้นมาให้ทุกคนอีกแน่นอน รอติดตามด้วยนะครับ
อ้างอิง
คน(ไม่) สำคัญ – ฟริตซ์ ฮาเบอร์ บิดาแห่งการปฏิวัติเขียว และสงครามเคมี
นักเคมีรางวัลโนเบล Fritz Haber เทวาหรือซาตาน
ฟริทซ์ ฮาเบอร์ วีรบุรุษนักเคมีผู้ปราดเปรื่องหรืออาชญากรใจบาปในสงครามเคมี?