มดเป็นแมลงกลุ่มหนึ่งที่เราพบเห็นได้แทบทุกที่และทุกวัน ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการวิวัฒนาการที่ช่วยให้มดสามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมแทบทุกที่ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะมีสัตว์บางชนิดพยายามที่จะวิวัฒน์ตัวเองให้กินมดที่มีอยู่มากมายเป็นแหล่งอาหารหลัก

ที่มา : https://www.science.org/content/article/new-interactive-map-shows-where-world-s-ants-are
แต่เรื่องที่แปลกมาก ๆ ก็คือนักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบว่ามีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพยายามที่จะกลายร่างเป็นตัวกินมดมากกว่า 12 ครั้งในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ที่ไดโนเสาร์สูญพันธ์ุ!!
โทมัส วีดา (Thomas Vida) นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยบอนน์ในเยอรมัน กับทีมได้ทำการรวบรวม ทบทวนอย่างละเอียดของแหล่งข้อมูลมากกว่า 600 แหล่งเพื่อรวบรวมฐานข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม จนพบว่าสัตว์ที่กินมด เป็นอาหารมักเรียกกันว่า Myrmecophagy

ที่มา: https://nixillustration.com/tag/myrmecophagy/
โดยตัวอย่างฟอสซิลของสัตว์ที่กินมดนั้นในอดีตนั้น มักจะมีการพัฒนาลักษณะภายนอกที่คล้ายกันหลายอย่าง เช่น กระโหลกและลิ้นที่ยาวขึ้น กรงเล็บและแขนขาที่ทำหน้าที่ฉีกรังมด และฟันที่ลดรูปลง ในขณะภายในร่างกายมักจะมีอุณหภูมิร่างกายต่ำ ระบบเผาผลาญที่ช้า และปรับตัวของเอนไซม์ที่สามารถรองรับอาหารจำนวนมาก แต่มีพลังงานต่ำได้
นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยยังกล่าวเสริมว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่บรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมจะพยายามกินมดถึงขนาดนี้ เนื่องจากช่องทางนิเวศวิทยาที่มีมดอยู่จำนวนมากนั้น เอื้อให้สัตว์สามารถปรับตัวทางสัณฐานวิทยาให้มีความคล้ายคลึงกับสัตว์อื่น ๆ ได้แม้จะไม่มีความเชื่อมโยงกันก็ตาม ซึ่งทางชีววิทยาเรียกรูปแบบการวิวัฒนาการนี้ว่า Convergent Evolution หรือการวิวัฒนาการแบบลู่เข้า
โดยงานวิจัยอื่น ๆ พบว่าประชากรมดทั่วโลกในปัจจุบันอาจมีมากถึง 20 ล้านล้านตัวหรือมีชีวมวลรวมของคาร์บอนแห้งถึง 12 เมกะตัน มากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมและนกป่าทั้งหมดรวมกันเสียอีก
นักวิจัยกล่าวว่างานของวิจัยนี้จะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการศึกษากลยุทธ์การบริโภคของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในอนาคตได้
อ้างอิง
https://academic.oup.com/evolut/advance-article-abstract/doi/10.1093/evolut/qpaf121/8155241




