‘น้ำ’ ถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อมนุษยชาติ เนื่องจากพวกเราได้ใช้น้ำในการอุปโภคบริโภค การผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตรกรรม ไปจนถึงในภาคอุตสาหกรรมหลัง เพราะฉะนั้นแล้วปัญหาการขาดแคลนน้ำจึงอาจเป็นภาวะเร่งด่วนและเราควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อการประมาณการจากแบบจำลองที่ดีที่สุดของเรากำลังบอกว่าภายในปี 2100 ผู้คนประมาณพันล้านคนกำลังเผชิญกับการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง

ที่มา : https://www.nature.com/articles/s41612-025-01134-5
พูยา ดาส (Puja Das) นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่ จากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ของสหรัฐอเมริกา (Northeastern University) กล่าวว่าจำนวนประมาณการนี้มากกว่าที่คาดในแบบจำลองเก่าถึง 3 เท่า ซึ่งหมายถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุดที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าที่เราคาดคิดไว้
โดยแบบจำลองนี้ในครั้งนี้ได้มีการใส่ข้อมูลการจำลองการไหลบ่าของแม่น้ำเพิ่มเติมไปในลุ่มน้ำใหญ่ที่สุด 30 แห่งทั่วโลก อาทิ แม่น้ำอะแมซอน คองโก คงคา บราห์มปูตรา และไนล์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณน้ำลดลง ตามการหดตัวของธารน้ำแข็งและหิมะบริเวณตาน้ำจากปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อน โดยมีความละเอียดที่สูงกว่าและสามารถทำงานในเชิงฟิสิกส์ที่ครอบคลุมมากกว่าแบบจำลองรุ่นก่อน ซึ่งจะทำให้ผลการคาดการณ์นี้มีความแม่นยำที่มากขึ้น

ที่มา : https://www.nature.com/articles/s41612-025-01134-5
อีกทั้งแบบจำลองนี้ ก็ยังได้เสนอทางรอดสำหรับวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไว้ว่า หากเรามีการทำอะไรสักอย่างเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลง เราก็จะสามารถลดผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก 1,000 ล้านคนให้เหลือเพียง 500 ล้านคนได้

ที่มา : https://www.nature.com/articles/s41612-025-01134-5
นอกจากนี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นยังเชื่อว่าแบบจำลองนี้มีความสำคัญกับคนสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ ผู้กำหนดนโยบายและผู้จัดการทรัพยากรน้ำที่ต้องการเข้าใจผลกระทบและปรับแผนการดำเนินงาน รวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและผู้สร้างแบบจำลองก็จะสามารถสร้างแบบจำลองเพื่อคำนวณผลกระทบและผลลัพธ์ได้ในอนาคตได้