เมื่อวันที่ 24 กันยายน เวลา 07:13 น. เกิดการยุบตัวของพื้นผิวถนนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ต่อมาในอีกไม่ถึง 30 นาทีการยุบตัวก็แผ่ขยายเป็นวงกว้างจนเกิดหลุมยุบครอบคลุมหลายช่องทางการจราจร ส่งผลให้ เสาไฟฟ้าหักโค่น และรถยนต์บางส่วนถูกดูดตกลงไปในหลุม ด้านกรมทรัพยากรธรณีรายงานว่าการยุบครั้งนี้ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากน้ำประปารั่วไหลที่ได้ไปชะล้างดิน ทำให้มีโพรงใต้ดินเกิดขึ้น แล้วจึงเกิดการยุบตัวตามมา
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ก็ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลุมยุบใจกลางเมืองกัวเตมาลาซิตี้ ที่รุนแรงและน่ากลัวกว่าหลุมยุบที่กรุงเทพฯ บ้านเรากว่ามาก โดยมีการคาดว่าหลุมนี้มีความกว้างมากถึง 18 เมตร ลึกถึง 100 เมตร ซึ่งถือว่าหลุมยุบในเมืองที่ใหญที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
แซม โบนิส นักธรณีวิทยาแห่งวิทยาลัยดาร์ตมัธ ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมิรกา ได้อธิบายสาเหตุของธรณีพิบัติครั้งนี้ว่าเกิดจากท่อระบายน้ำหรือท่อระบายน้ำฝนที่แตก และทำให้เกิดการกัดเซาะของชั้นหินปูนจนเกิดโพรงใต้ดินขนาดยักษ์ ประจวบกับพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้ดินชั้นบนมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อรวมกับโครงสร้างใต้ดินของภูมิภาคนี้ที่ประกอบด้วยหินภูเขาไฟที่ทับถมกันอย่างหลวม ๆ ก็ยิ่งทำให้ต่อการกัดเซาะรุนแรงกว่าเดิม

ที่มา : https://www.sjrwmd.com/education/sinkholes/
โบนิส กล่าวว่านอกจากลักษณะของธรณีของเมืองแห่งนี้ที่ง่ายต่อการพังทลายใต้ดินแล้ว มาตรฐานการก่อสร้างอาคารในกัวเตมาลาก็ยังมีช่องโหว่อยู่มาก และถูกละเลยเสียจนส่งผลต่อการบำรุงรักษาระบบท่อน้ำ เกิดเป็นสภาวะท่อน้ำรั่วเรื้อรังติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมสำหรับหลุมยุบในที่สุด




