สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกถือเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันเป็นเวลานานในวงการวิชาการ ตลอดมาเรามีรายงานที่อ้างว่าพบเห็นการมาเยือนเป็นจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะพบเห็นยานบินไม่ทราบที่มาซึ่งเรียกกันว่า “UFO” (Unidentified Flying Object) หรือแม้แต่การกล่าวอ้างว่าสถาปัตยกรรมหลาย ๆ แห่งสร้างด้วยวิทยาการอันล้ำหน้าของชาวต่างดาวไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ แต่ทว่าหลักฐานทั้งหมดที่กล่าวอ้างนั้นได้ถูกปัดตกไปเนื่องจากทุกหลักฐานล้วนมีข้อโต้แย้งทั้งสิ้น
มัมมี่เอเลี่ยนแห่งเม็กซิโก
จนกระทั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2023 เจมี เมาสซัน (Jaime Maussan) นักหนังสือพิมพ์ และนักวิจัยชื่อดังของเม็กซิโก เผยซากมนุษย์ต่างดาวต่อหน้ารัฐสภาเม็กซิโก และยืนยันว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง โดยเขาอ้างว่ามีการยืนยันโดยมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแล้วว่า DNA ของซากสิ่งมีชีวิตต่างดาวของเขาไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตใดบนโลกถึง 30%
โดยในปีค.ศ. 2015 นายเจมี เมาสซันผู้นี้ได้เคยกล่าวว่าตนพบหลักฐานที่ยืนยันว่าตนค้นพบเอเลี่ยน ก่อนที่ในเวลาต่อมาหลักฐานของเขาจะถูกพิสูจน์ว่าเป็นเพียงมัมมี่เด็กทารกพิการซึ่งถูกนายเจมี่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อชื่อเสียงของตน จากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาไม่ได้รับความน่าเชื่อถือในแวดวงวิชาการต่าง ๆ นอกจากนี้การกล่าวอ้างของเจมี เมาสซันในครั้งนี้ยังไม่มีหลักฐานอื่น ๆ ยืนยันว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจริง หรือมาจากนอกโลกจริง ๆ
ความเคลื่อนไหวขององค์การนาซ่า
วันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2023 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NASA ประกาศจัดตั้งทีมศึกษา UAP (Unidentified Anomalous Phenomena) หรือ ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ยังขาดหลักฐานอธิบาย เพื่อให้ครอบคลุมทั้งตัววัตถุบินอย่าง UFO และปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้บนท้องฟ้า โดยหวังว่าจะช่วยลดอคติและทำให้นักวิทยาศาสตร์กล้ารายงานหรือทำการศึกษาปรากฏการณ์เหล่านี้ได้อย่างจริงจังมากขึ้น
ทางนาซาเปิดเผยว่าในทางทฤษฎีแล้ว NASA ก็ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นนอกจากโลก เพราะเอกภพที่กว้างใหญ่ ย่อมมีโอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นบนดาวเคราะห์หินคล้ายโลก แต่อยู่ในตำแหน่งอื่นที่ห่างออกไป แต่หลักฐานที่ยืนยันว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นติดต่อหรือเดินทางมายังโลกกลับเป็นศูนย์ กล่าวคือ มีหลักฐานอยู่บ้างแต่ไม่มีชิ้นไหนที่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอเลย
โดยการค้นพบของนายเจมี เมาสซัน นาซาเผยว่ายังไม่ใช่การยืนยันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่าวัตถุที่ไม่ทราบแหล่งที่มานั้นต้องมีต้นกำเนิดมาจากนอกโลก ซึ่ง NASA ก็ไม่ได้ให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
หลักฐานยืนยันว่าเป็นของปลอม
หลังการค้นพบของนายเจมี เมาสซัน เหล่านักวิทยาศาสตร์ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาได้ลงไปเก็บตัวอย่างและศึกษาเพื่อยืนยันการค้นพบสิ่งมีชีวิตต่างดาว โดยดร.ราฟาเอล โบฮาลิล-ปาร์รา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมงานวิจัยของมหาวิทยาลัย UAD (Universidad Autónoma de Durango) กล่าวว่าทาง UAD ไม่ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมตามที่ข่าวได้ออกแต่ได้ตรวจสอบอายุจากคาร์บอน-14 แต่ตามหลักความเป็นจริงแล้วคาร์บอน 14 ไม่สามารถบอกอายุจริง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่มาจากดาวดวงอื่นได้ เพราะคาร์บอน 14 เป็นอะตอมที่เกิดขึ้นจากกระบวนการในชั้นบรรยากาศของโลก
คาร์บอนปกติเสถียรที่ที่มวล 12 g/mol แต่การเปลี่ยนเป็นคาร์บอนที่มีมวล 14 g/mol จะต้องมีนิวตรอนเพิ่มขึ้นมาภายในอะตอมคาร์บอนนั้น ซึ่งนิวตรอนที่ว่าก็มีจากการที่รังสีคอสมิก (Cosmic rays) พุ่งชนแก๊สไนโตรเจนในบรรยากาศชั้นบนของโลก จนเกิดการออกซิไดซ์และทำให้นิวตรอนจากไนโตรเจนกระจายเข้าสู่วัฏจักรคาร์บอนแทน และเมื่อคาร์บอน 14 ในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่พืช และสัตว์ จะทำให้เราสามารถคำนวณอายุของพืชหรือสัตว์ได้จากการสลายตัวของคาร์บอน 14 ที่ไม่เสถียรนั้น
นอกจากการตรวจสอบด้วยคาร์บอน-14 จะไม่น่าเชื่อถือแล้วดร.แอนดรูว์ เนลสัน หัวหน้าภาควิชามานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นในออนแทรีโอกล่าวว่ามัมมี่ข้างต้นนี้เป็นมัมมี่ของมนุษย์ที่ถูกดัดแปลงให้คล้ายกับมนุษย์ต่างดาว ส่วนหนึ่งคือการตัดเท้าให้เสียหายกลายเป็นรูปตัว V หรือตัว I และยังมีการตัดผิวหนังกับเนื้อเยื่ออ่อนหลังนิ้วหัวแม่เท้า เพื่อให้มันดูยื่นยาวกว่าปกติด้วย หากมัมมี่ดังกล่าวถูกพบว่ามีการตัดแต่ง โดยเฉพาะจากส่วนประกอบของมนุษย์ เจมี เมาสซัน (Jaime Maussan) ซึ่งเป็นผู้นำมัมมี่นี้มาจัดแสดงจะมีความผิดตามกฎหมายฐานลักขโมยและทำลายศพ รวมถึงการลักลอบนำวัตถุโบราณออกจากแหล่งต้นกำเนิด ยังไม่รวมกับโทษฐานที่เขาโกหกต่อหน้าคนนับล้านทั่วโลกอีก