• ข่าว
  • เทคโนโลยี
    • หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์
    • วิศวกรรม
    • ยานพาหนะ
    • พลังงาน
    • เทคโนโลยีอาหาร
    • เทคโนโลยีการคำนวณ
    • เทคโนโลยีอวกาศ
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
    • วิทยาศาสตร์สุขภาพ
    • ชีววิทยาโมเลกุล
    • วิวัฒนาการ
    • สัตววิทยา
    • พฤกษศาสตร์
    • จุลชีววิทยา
    • กีฏวิทยา
    • นิเวศวิทยา
  • ดาราศาสตร์
    • ฟิสิกส์ดาราศาสตร์
    • จักรวาลวิทยา
    • วิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์
  • อื่น ๆ
    • Sci-fi
    • วิทยาศาสตร์การกีฬา
    • คณิตศาสตร์
    • จิตวิทยา
    • ศิลปะ & วัฒนธรรม
    • ประวัติศาสตร์
    • ปรัชญา
No Result
View All Result
The Principia
  • ข่าว
  • เทคโนโลยี
    • หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์
    • วิศวกรรม
    • ยานพาหนะ
    • พลังงาน
    • เทคโนโลยีอาหาร
    • เทคโนโลยีการคำนวณ
    • เทคโนโลยีอวกาศ
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
    • วิทยาศาสตร์สุขภาพ
    • ชีววิทยาโมเลกุล
    • วิวัฒนาการ
    • สัตววิทยา
    • พฤกษศาสตร์
    • จุลชีววิทยา
    • กีฏวิทยา
    • นิเวศวิทยา
  • ดาราศาสตร์
    • ฟิสิกส์ดาราศาสตร์
    • จักรวาลวิทยา
    • วิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์
  • อื่น ๆ
    • Sci-fi
    • วิทยาศาสตร์การกีฬา
    • คณิตศาสตร์
    • จิตวิทยา
    • ศิลปะ & วัฒนธรรม
    • ประวัติศาสตร์
    • ปรัชญา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
The Principia

Oregon’s Exploding Whale การระเบิดซากวาฬเกยตื้น สู่หายนะของคนในพื้นที่

Tanakrit SrivilasbyTanakrit Srivilas
09/11/2023
in Ecology, History, News, On this day
A A
0
Share on FacebookShare on Twitter

ถ้าเกิดคุณเจอซากวาฬขนาดใหญ่เกยตื้นอยู่ คิดว่าควรจัดการกับมันยังไง?

“ระเบิดซากมันทิ้ง” เป็นวิธีการสุดท้ายที่ใครก็ตามควรทำ

ระเบิดวาฬ ณ โอเรกอน (Oregon’s Exploding Whale)

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1970 ที่ชายหาดแห่งหนึ่งในรัฐ Oregon ประเทศสหรัฐอเมริกา มีวาฬหัวทุย (Sperm whale) ตัวหนึ่งเกยตื้นขึ้นมาอยู่ที่บริเวณนั้น ขนาดตัวของมันใหญ่โต มีความยาวประมาณ 14 เมตร และมีน้ำหนักตัวประมาณ 8 ตัน ในยุคสมัยนั้นผู้คนคงยังไม่รู้วิธีจัดการกับเจ้าซากสัตว์ยักษ์ตัวนี้ จะผลักมันลงทะเลก็หนักเกินไป จะขุดหลุมฝังมันก็ดูจะใช้หลุมขนาดใหญ่มากจนนึกเสียเวลา หรือจะปล่อยให้ย่อยสลายเองคนแถวนั้นก็คงต้องบ่นกับความเหม็นของซากนี้ไปอีกแสนนาน

ภาพการรายงานข่าวในเหตุการณ์ Oregon’s Exploding Whale
ที่มา KATU

ผ่านไปแค่ 3 วัน คนที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มทนรำคาญความเหม็นของซากวาฬตัวนี้ไม่ไหว Oregon State Highway Division หรือ ODOT ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลชายหาดในรัฐแห่งนี้จึงต้องเร่งหาวิธีจัดการ และสุดท้ายจบลงที่ว่า พวกเขาจะใช้วิธีการ “ระเบิดซากมันทิ้ง”

พวกเขาใช้ระเบิดไดนาไมต์ปริมาณครึ่งตัน ด้วยความตั้งใจจะระเบิดวาฬตัวนี้ซะ โดยหวังว่าหลังจากซากวาฬเกยตื้นที่กระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจะกระเด็นตกลงไปในทะเล เพื่อเป็นอาหารให้แก่ปลาตัวอื่นในน้ำ หรือแม้แต่ที่กลายเป็นซากบนชายหาด ก็จะกลายเป็นอาหารของนกนางนวล และปูตามชายหาด เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศต่อไป ส่วนชิ้นที่ใหญ่ ๆ ก็สามารถทำการขนย้ายซากเหล่านั้นไปฝังกลบที่อื่นได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยความตั้งใจดีแบบนี้ พวกเขาคาดหวังว่างานนี้จะผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี ติดที่ว่า ระเบิดครึ่งตันดูจะเป็นปริมาณที่เยอะไปเสียหน่อย

ระเบิดถูกฝังไว้ใต้ซากวาฬตัวนั้นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมจุดระเบิด ผู้คนโดยรอบต่างยืนลุ้นร่วมเป็นพยานให้แก่วินาทีประวัติศาสตร์ที่ผู้คนจะจดจำไปอย่างยาวนาน และแล้วเวลา 15.45 น. ระเบิดถูกจุดขึ้น ทรายบริเวณเดียวกับตำแหน่งระเบิดฟุ้งกระจายสูงขึ้นกว่า 30 เมตร ที่ลอยสูงขึ้นไปพร้อม ๆ กันคือซากของวาฬเกยตื้นผู้โชคร้ายตัวนั้น ซึ่งเป็นไปตามแผน แต่ที่เกินไปกว่าแผนคือ เมื่อซากวาฬตกกลับลงมายังพื้นโลก มันมีปริมาณเยอะเหลือเกิน ที่ตกลงมามากมายราวกับห่าฝนในคืนพายุคลั่ง ผู้คนที่รอดูอยู่โดยรอบต้องวิ่งหนีกันชุลมุนเพื่อเอาชีวิตรอดจากซากปลาที่ร่วงหล่นจากฟ้า เพราะนอกจากมันจะเยอะแล้ว บางชิ้นมันไม่ได้เล็กอย่างที่คิดด้วย!

ภาพการระเบิดในเหตุการณ์ Oregon’s Exploding Whale
ที่มา: All That’s Interesting

กลิ่นที่ตลบอบอวลจากซากเครื่องในวาฬ ยังไม่ร้ายแรงเท่าเศษซากขนาดใหญ่เท่าล้อรถบรรทุกของวาฬตัวนั้น ที่ตกใส่อาคารและหลังคารถที่จอดอยู่โดยรอบในระยะไม่ไกลมาก สร้างความเสียหายทางทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และที่ไม่เป็นไปตามแผนเลยอีกหนึ่งเรื่องคือ นกนางนวลที่คาดว่าจะมาช่วยกำจัดเศษซากวาฬกลับไม่เลือกที่จะอยู่รอกินบุฟเฟต์มื้อใหญ่ เพราะพวกมันตกใจกลัวและบินหนีหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงระเบิดแล้ว และไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาในบริเวณนั้นอีกเลย

เมื่อเหตุการณ์สงบลง ไม่มีซากวาฬตัวใดหล่นลงมาจากฟากฟ้าเพิ่มอีก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เข้ามากวาดเศษซากริมชายหาดลงท้องทะเล เก็บชิ้นส่วนเท่าที่ทำได้เพื่อเตรียมการไปฝังกลบ และที่สำคัญต้องเคลียร์ใจกับชาวบ้านบริเวณโดยรอบที่ได้รับความเสียหาย เหตุการณ์ครั้งนี้จึงกลายเป็นความอัปยศอดสู จากความไม่รู้ สู่บทเรียนที่ผู้คนจดจำกันยาวนานมามากกว่า 50 ปีแล้ว

สามารถรับชมเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านคลิปการรายงานข่าวที่ลิงก์นี้: https://youtu.be/xBgThvB_IDQ?si=Owy7WDq5oNeBYaYM

ภาพผู้คนในช่วงรำลึก 50 ปี เหตุการณ์ Oregon’s Exploding Whale
ที่มา: The Register-Guard

ไม่ต้องวางระเบิด วาฬก็ระเบิดได้

ความจริงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระเบิดไดนาไมต์ วาฬเกยตื้นก็อาจจะเกิดระเบิดเองได้ตามธรรมชาติอยู่ดี เนื่องจากซากสัตว์ที่ตายแล้วมีการสะสมแก๊ส เช่น มีเทน ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และแอมโมเนีย ปริมาณมากอัดแน่นอยู่ภายในร่างกาย ในขณะที่เซลล์ผิวหนังเริ่มเสื่อมสลายลงทุกนาที แรงดันจากแก๊สภายในร่างกายจึงเป็นเหมือนระเบิดเวลา ที่รอคอยเพียงแค่เซลล์ของร่างกายสัตว์ตัวนั้นจะทนรับแรงดันไม่ไหว และกลายเป็นระเบิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ซากวาฬบวมเป่งรอวันระเบิดในปี 2014 ที่ประเทศแคนาดา
ที่มา: BBC

สัตว์หลายชนิดที่ตายลง สามารถระเบิดได้ แต่กับวาฬยิ่งรุนแรงและเห็นได้ชัด เพราะขนาดตัวของมันที่ใหญ่มาก แต่กลับมีช่องระบายแก๊สเล็ก ๆ แค่เพียงไม่กี่ช่อง ได้แก่ ปาก จมูก และรูทวาร รวมถึงถ้าเทียบอัตราส่วนระหว่างขนาดตัวโดยรวมของมันกับพื้นผิวหนังมันแล้ว คงมีเซลล์ที่รอรับแรงดันมากมายจากแก๊สที่อยู่ภายในร่างกายไม่ได้มากขนาดนั้น โดยเฉพาะส่วนท้องที่อัดพองจนเกิดการระเบิดได้ง่าย และอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมเครื่องในไหลออกมากอง ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ไม่ต่างอะไรมาก จากเหตุการณ์แรกที่มนุษย์เป็นผู้วางระเบิดด้วยตัวเอง

เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อปี 2004 ที่เมืองไถหนาน ในประเทศไต้หวัน เจ้าหน้าที่รัฐขนซากวาฬเกยตื้นขนาดความยาว 17 เมตร หนัก 60 ตัน ขึ้นรถบรรทุก เพื่อหวังจะนำไปฝังกลบอย่างถูกต้อง แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อซากวาฬที่มีแก๊สสะสมปริมาณมาก และมีความอ่อนไหวต่อการขยับแม้เพียงเล็กน้อย เกิดอ่อนไหวมากเสียจนมันระเบิดออกมาก ทำให้บ้านเรือนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องรับผลกระทบไปเต็ม ๆ จากความเหม็นคาวเครื่องในวาฬที่ไหลทะลักออกมาทั่วพื้นถนน

ซากวาฬระเบิดในปี 2004 ที่ประเทศไต้หวัน
ที่มา: NBC News

วาฬเกยตื้นเกิดจากอะไร? และควรจัดการอย่างไร?

หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า มีข่าววาฬเกยตื้นบ่อยขนาดนี้ แล้ววาฬเกยตื้นเพราะอะไร? คำตอบก็คือมีหลายเหตุผลมาก

เหตุผลแรกที่ทำให้วาฬเกยตื้น อาจเป็นเพราะวาฬที่กำลังป่วย บาดเจ็บ ติดเชื้อ ติดเครื่องมือประมง อายุมาก หรือเพิ่งตายใหม่ ๆ แล้วไม่สามารถว่ายน้ำได้อย่างปกติ มันอาจถูกกระแสน้ำพัดพามาจนคลื่นฝั่งโดยที่มันไม่ตั้งใจ แต่หลายครั้งที่มีวาฬเกยตื้นจำนวนมากกว่าหนึ่งตัว เหตุการณ์แบบนี้อาจมีสาเหตุจากการส่งเสีนงร้องขอความช่วยเหลือของวาฬที่เกยตื้นตัวแรก วาฬตัวอื่นในฝูงจึงมุุ่งหน้ามาช่วยในบริเวณน้ำตื้น ทำให้ต้องเกยตื้นไปพร้อม ๆ กัน

เหตุผลต่อมาคือ บางทีวาฬอาจไม่ได้กำลังเจ็บป่วย แต่มันกำลังหนีภัยร้ายบางอย่างจนออกนอกเส้นทางตามปกติ เช่น หลบหนีสัตว์ผู้ล่า หลบหนีความอดอยากมาหาอาหารในถิ่นใหม่ หรือแม้แต่หลบหนีปัญหาน้ำเสียอย่าง การปนเปื้อนน้ำมันดิบในทะเล หรือปรากฎการณ์ขี้ปลาวาฬ (Plankton Bloom) ก็ทำให้วาฬผู้โชคร้ายต้องออกนอกเส้นทาง และมาพบกับจุดจบบนหาดทรายได้

อีกเหตุผลที่ทำให้วาฬเกยตื้น อาจเป็นเพราะพวกมันเจอสัญญาณรบกวน เคยมีงานวิจัยที่หมู่เกาะบาฮามา ในทะเลแคริเบียน ที่พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการออกนอกเส้นทางของวาฬ และการใช้เรือดำน้ำปล่อยคลื่นโซนาร์ใต้น้ำในบริเวณใกล้เคียง เมื่อทั้งสองเหตุการณ์มีความสัมพันธ์กันจึงเป็นไปได้ว่า คลื่นโซนาร์จะไปรบกวนระบบนำทางตามธรรมชาติของวาฬ จึงส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องจนศาลสั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้คลื่นโซนาร์ในกิจการทหารเรือมาแล้ว

เหตุการณ์วาฬเกยตื้น หรืออาจเรียกว่าเป็นการเกยตื้นของสัตว์น้ำขนาดใหญ่ ที่นับเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่สุด เกิดจากวาฬเพชฌฆาตแคระ (Pygmy Killer Whale) จำนวน 835 ตัวขึ้นมาเกยตื้นตายในเวลาเดียวกัน บนชายหาดในเมือง Mar del Plata ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี 1946

ภาพเหตุการณ์วาฬเพชฌฆาตแคระเกยตื้น 835 ตัวในปี 1946 ที่ประเทศอาร์เจนตินา
ที่มา: Wikimedia Commons

คราวนี้มาตอบอีกคำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยบ้างว่า ควรจัดการกับวาฬเกยตื้นด้วยวิธีการใดกันแน่? คำตอบขออ้างอิงจากแนวทางการปฏิบัติในเหตุการณ์วาฬเกยตื้นกว่า 300 ตัวในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2017 ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่พบซากวาฬบวมอืดอยู่เต็มชายหาดย่านโกลเดน เบย์ บนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงทำการ “เจาะซากวาฬ” เพื่อระบายแก๊สที่อยู่ในร่างกายของซากวาฬเหล่านั้นออกให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการระเบิด หลังจากนั้นจึงขนย้ายซากวาฬทั้งหมดไปฝังกลบในสถานที่ที่เหมาะสมต่อไป

แต่ถ้าหากเราเองเป็นคนพบสัตว์น้ำขนาดใหญ่เกยตื้นที่ยังมีชีวิตอยู่ และเราต้องการช่วยเหลือพวกมันเบื้องต้น ให้ขุดทรายบริเวณใต้ครีบอกและลำตัวของสัตว์แล้วเติมน้ำลงไปเพื่อช่วยลดแรงกดจากน้ำหนักตัวของพวกมันเอง แล้วช่วยควบคุมฝูงชนให้อยู่ห่างจากตัวสัตว์ เพื่อลดความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกมัน เพราะความเครียดของสัตว์เกยตื้นที่มากเกินไปอาจทำให้พวกมันตายได้ หลังจากนั้นเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมและสัตว์ตัวนั้นร่างกายแข็งแรงเพียงพอ สามารถใช้เปลยกตัวสัตว์ขึ้นมา โดยจัดท่าให้ครีบอกไม่บิดหรืออยู่ผิดตำแหน่ง แล้วพามันไปส่งในทะเลในระดับความลึกที่เหมาะสมได้

แต่สำหรับพวกเราคนธรรมดา ถ้าพบเห็นสัตว์น้ำขนาดใหญ่เกยตื้นและต้องการความช่วยเหลือ ทางที่ดีควรแจ้งไปที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นเพื่อประสานหน่วยงานมาที่กรม ทช. ในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ภาพการช่วยเหลือสัตว์น้ำเกยตื้น โดยการใช้เปลอุ้มเพื่อนำไปปล่อยในน้ำทะเล
ที่มา: มติชนออนไลน์

อ้างอิง

The Exploding Whale remastered: 50th anniversary of legendary Oregon event

อันตราย..วาฬเกยตื้น

Dead blue whale ‘might explode’ in Newfoundland town

Thar she blows! Dead whale explodes

Why Do Whales Beach Themselves?

นิวซีแลนด์เร่งกำจัดซากวาฬเกยตื้นกว่า 300 ตัว

ขั้นตอนการช่วยชีวิตโลมา และวาฬ เกยตื้นมีชีวิต

ทำไงดี เมื่อพบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น เราช่วยเขาได้

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
Tags: BeachingOregon's Exploding WhaleWhale
Tanakrit Srivilas

Tanakrit Srivilas

Jack of all trades, passionate about Biotechnology, Molecular genetics, Evolutionary biology, and Communication.

Related Posts

นักล่ามา ชีวิตเปลี่ยน : สำรวจกรณีศึกษาการนำ ‘หมาป่า’ กลับเข้าแพร่พันธุ์ช่วยเพิ่มพื้นที่ป่า และดึงดูดสัตว์อื่นเข้ามาในอุทยาน
Biology

นักล่ามา ชีวิตเปลี่ยน : สำรวจกรณีศึกษาการนำ ‘หมาป่า’ กลับเข้าแพร่พันธุ์ช่วยเพิ่มพื้นที่ป่า และดึงดูดสัตว์อื่นเข้ามาในอุทยาน

byPeeravut Boonsat
26/09/2025
รวยไม่รู้ตัว : สาวโรมาเนียหยิบก้อนหินข้างทางมากั้นประตูเป็นสิบปีก่อนรู้ว่าหินก้อนนั้นคือก้อนอำพันราคาหลายล้าน
News

รวยไม่รู้ตัว : สาวโรมาเนียหยิบก้อนหินข้างทางมากั้นประตูเป็นสิบปีก่อนรู้ว่าหินก้อนนั้นคือก้อนอำพันราคาหลายล้าน

byPeeravut Boonsat
26/09/2025
ไขปริศนาสำเร็จ : นักวิทย์พบคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำมัมมี่ได้ตั้งแต่ก่อนอียิปต์ด้วยการ ‘รมควันศพ’
Art & Culture

ไขปริศนาสำเร็จ : นักวิทย์พบคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำมัมมี่ได้ตั้งแต่ก่อนอียิปต์ด้วยการ ‘รมควันศพ’

byPeeravut Boonsat
19/09/2025
ทฤษฎีพลิกวงการ : งานวิจัยใหม่ชี้ ‘ไพรเมต’ มาจากทวีปอเมริกาเหนือ
Biology

ทฤษฎีพลิกวงการ : งานวิจัยใหม่ชี้ ‘ไพรเมต’ มาจากทวีปอเมริกาเหนือ

byPeeravut Boonsat
16/09/2025

The Principia Fan Page

The Principia

ส่งเสริมสังคมสร้างสรรค์ ด้วยการสื่อสารวิทยาศาสตร์

© 2021 ThePrincipia. All rights reserved.

The Principia Media

About Us
Staff Members
Contact Us
theprincipia2021@gmail.com

Follow us

No Result
View All Result
  • ข่าว
  • เทคโนโลยี
    • หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์
    • วิศวกรรม
    • ยานพาหนะ
    • พลังงาน
    • เทคโนโลยีอาหาร
    • เทคโนโลยีการคำนวณ
    • เทคโนโลยีอวกาศ
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
    • วิทยาศาสตร์สุขภาพ
    • ชีววิทยาโมเลกุล
    • วิวัฒนาการ
    • สัตววิทยา
    • พฤกษศาสตร์
    • จุลชีววิทยา
    • กีฏวิทยา
    • นิเวศวิทยา
  • ดาราศาสตร์
    • ฟิสิกส์ดาราศาสตร์
    • จักรวาลวิทยา
    • วิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์
  • อื่น ๆ
    • Sci-fi
    • วิทยาศาสตร์การกีฬา
    • คณิตศาสตร์
    • จิตวิทยา
    • ศิลปะ & วัฒนธรรม
    • ประวัติศาสตร์
    • ปรัชญา