เช้าวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส ไร้เมฆช่างเป็นเช้าที่เหมาะสำหรับการตากผ้าเสียเหลือเกินแต่ว่าในจังหวะที่ทุกอย่างเป็นใจ ผ้ากองพะเนิดที่ตอนนี้อยู่บนราวตากผ้าพร้อมกลิ่นหอมฟุ้งจากน้ำยาปรับผ้านุ่มจู่ ๆ ก็มีเมฆฝนมาจากไหนก็ไม่รู้กำลังเคลื่อนผ่าน หรือเสียงสัญญาณแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ว่า ‘ระวังฝนฟ้าคะนอง’ อันเป็นสัญญาณบอกคุณว่าผ้าที่คุณตากในวันนี้คงต้องถูกเคลื่อนย้ายลงไปตากในร่มกันอีกครา
เชื่อว่าพวกเราหลาย ๆ คนน่าจะมีช่วงเวลาที่ต้องทะเลาะกับสภาพอากาศอย่างน้อยซักครั้งในชีวิตแน่ ๆ ยิ่งพอไปดูรายงานสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาที่แจ้งเตือนว่าฝนตกแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็ยิ่งได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงไม่รายงานไปเลยว่าเขตนี้ฝนจะตก เขตนี้ฝนไม่ตกหรือในบางวันบอกวันนี้ฟ้าใสแต่ทำไมตกเย็นมาพายุเข้าจนนำมาสู่คำถามที่ว่า ‘ทำไมพยากรณ์อากาศประเทศไทยถึงไม่แม่นบ้างเลย?’
การพยากรณ์อากาศ คือการคาดหมายสภาพลมฟ้าอากาศในอนาคต โดยอาศัยองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเกิดของสภาพอากาศ, สภาพอากาศปัจจุบัน และความสามารถในการบูรณาการเพื่อคาดหมายการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในอนาคต จะเห็นได้ว่าการพยากรณ์อากาศนั่นไม่ใช่แค่การคาดเดา หรือทำนาย แต่เป็นการใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

ที่มา : https://tmd.go.th/media/_book/pic_forecast01.jpg
ยกตัวอย่างเช่น อุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ทิศทางลม ฯลฯ มาคำนวณรูปแบบของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ โดยปัจจุบันหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่คือ สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ที่คอยเก็บข้อมูลจากเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศในแต่ละวัน นอกจากหน่วยงานภาครัฐแล้วยังมีภาคเอกชนไทยที่พัฒนาแอปพลิเคชั่น ‘ฟ้าฝน’ ของเพจพยากรณ์อากาศประเทศไทย ที่มีเสียงล่ำลือว่าแทบทุกครั้งที่เพจประกาศฟ้าฝนมักมาตามนัดเสมอ
คุณป๊อป-ชินวัชร์ สุรัสวดี นักวิทยาศาสตร์ไทยผู้อยู่เบื้องหลังเพจพยากรณ์อากาศประเทศไทยได้เล่าในบทสัมภาษณ์ของ The Cloud ไว้ว่าสาเหตุที่ทำให้พยากรณ์อากาศไทยนั่นไม่ได้แม่นยำเท่าประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเกิดจากบ้านเราอยู่ในเขตร้อนที่มีความแปรปรวนของอุณหภูมิ และสภาพอากาศตลอดเวลาเนื่องจากความร้อนเป็นพลังงานจลน์ที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันรวดเร็ว

ที่มา : https://www.matichon.co.th/local/news_1018213
หากจะเกิดฝนตกก็จะเกิดภายใน 1 ชั่วโมง ในขณะที่ประเทศแถบอบอุ่นนั่นมีสภาพอากาศไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันเท่าเรา นอกจากนี้ระบบการตรวจวัดของรัฐนั่นไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกตัวแปรของสภาพอากาศ ถึงแม้จะมีดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศหรือระบบเรดาร์ แต่ในบางตัวแปรก็ไม่สามารถตรวจสอบได้จากดาวเทียมดังนั่นในบางพื้นที่จึงไม่มีข้อมูลสภาพอากาศรายงานมายังส่วนกลาง
โดยคุณป๊อป ได้ยกตัวอย่างจังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นจังหวัดขนาดใหญ่แต่กลับมีสถานีตรวจวัดที่มีคุณภาพแค่ 3 แห่งเท่านั้น ทั้งนี้ยังไม่นำความผิดพลาดทางเทคนิค เช่น ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต, ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือใบไม้ปิดเซนเซอร์ตรวจวัด
ดังนั้นการพยากรณ์อากาศให้แม่นยำเราจำเป็นต้องทราบข้อมูลอย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ตลอดเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยคุณป๊อปเสนอแนวทางที่ทางเพจพยากรณ์สภาพอากาศประเทศไทยใช้คือเครื่องมือที่เรียกว่า ‘Weather station’ ที่สามารถวัดข้อมูลสภาพอากาศได้ถึง 17 ตัวแปรต่อ 1 ยูนิตครอบคลุมพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร มีแบตเตอร์รี่โซลาร์เซลล์ในตัวและขนาดกะทัดรัดทำให้สามารถติดตั้ง หรือเคลื่อนย้ายได้ง่าย
จึงทำให้สามารถกระจายไปติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมโดยประชาชนทั่วไปเป็นผู้รับผิดชอบเครื่องนี้ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ข้อมูลชุดใหญ่ที่รายงานสภาพอากาศได้อย่างครอบคลุม และรวดเร็วได้ นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้นี้ยังสามารถใช้ทำนายสภาพอากาศในอนาคตได้