ทุกครั้งเวลาที่ผมร่วงลงจากศีรษะเรา เชื่อว่าหลายคนคงจะมีอาการกังวลเหมือนกับผู้เขียนแน่ๆว่า ซักวันนึงเราจะหัวล้านมั้ย ผมเราร่วงเยอะกว่าปกติหรือเปล่า แล้วเราจะป้องกันหรือลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้ยังไง บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันกับเส้นผมของเราให้มากขึ้น และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการเกิดผมร่วงไปด้วยกัน
ชีววิทยาของเส้นผม
เส้นผมเป็นอวัยวะนึงในร่างกายของเราที่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบหลักสูงถึง 95% ชื่อว่าเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีลักษณะเป็นเกลียวหรือที่เรียกว่า Helicoidal protein ในนั้นจะมีเซลล์ Keratinocyte คอยสร้างกรดอะมิโน (Amino acid) ที่เป็นหน่วยย่อยของโปรตีนเพื่อประกอบขึ้นมาเป็นเคราติน โดยกรดอะมิโนที่เป็นองค์ประกอบของเส้นผมจะมีทั้งหมด 18 ชนิดด้วยกัน นอกจากนั้นก็จะมีแร่ธาตุ น้ำ ไขมัน รวมไปถึงเมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่เป็นตัวกำหนดสีของผมของเราว่าจะเป็นสีอะไร
เส้นผมของเราจะมีอัตราการเพิ่มความยาวอยู่ที่ประมาณ 0.5 นิ้ว ต่อเดือน หรือ ประมาณ 6 นิ้วต่อปี แต่สำหรับคนที่ยาวเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะนี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ยเท่านั้น มันจะมีปัจจัยอื่นๆอีกมากที่จะทำให้ผมของเรายาวช้าเร็วไม่เท่ากัน เช่น อายุ สุขภาพ พฤติกรรมการใช้ชีวิต พันธุกรรม เป็นต้น
เส้นผมของเรานั้นก็จะฝังอยู่ในรูขุมขนหรือรูเส้นผมในศีรษะของเรา เปรียบเหมือนกับต้นไม้ที่มีรากฝังลึกอยู่ใต้ดิน โดยรูขุมขนในร่างกายเราจะมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 5 ล้านรูขุมขน ส่วนรูขุมขนในศีรษะเราจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-120,000 รูขุมขนเลยทีเดียว ซึ่งพอเราลงลึกไปมากกว่านั้น ในชั้นใต้ผิวหนังของเราก็จะมีส่วนของรากผม (Hair root) ฝังลึกเข้าไปอยู่ระหว่างชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นใต้หนังแท้ (Hypodermis)
โดยจะมี Hair follicle ล้อมรอบรากผมอีกที มีต่อมไขมัน (Sebaceous gland) เป็นต่อมไขมันที่สร้างสารให้ความมันที่เรียกว่า Sebum มาหล่อเลี้ยงเส้นผมเรา ทำให้ผมของเรามีความมันเงา นี่เป็นสาเหตุที่ศีรษะเราจะดูมันมากๆ เวลาไม่ได้สระผมติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน และตรงปลายของรากผมจะมีการเชื่อมต่อกับเส้นประสาท ทำให้เรารู้สึกเจ็บแปล๊บๆทุกครั้งเวลาดึงผมออก (แต่อย่าไปหาทำกันเลย ปล่อยให้ผมมันอยู่ของมันอย่างนั้นเถอะ)
ที่นี้เรามาดูในส่วนของชั้นต่างๆในเส้นผมของเราบ้าง มันจะประกอบด้วย 3 ชั้น คือ
- Medulla เป็นชั้นที่อยู่ในสุดของผม เป็นแกนกลางของเส้นผม
- Cortex เป็นชั้นที่อยู่ระหว่างกลางของเส้นผม มีความหนามากที่สุด มีเซลล์ที่ชื่อว่า Melanocytes ทำหน้าที่ผลิตเมลานินที่ได้เคยพูดไปตอนต้นว่าเป็นเม็ดสีที่เป็นตัวกำหนดสีของเส้นผม ทำให้แต่ละคนมีสีผมที่แตกต่างกัน
- Cuticle เป็นชั้นที่อยู่นอกสุดของเส้นผม ทำหน้าที่ปกป้องเส้นผมเรา ถ้าส่องจากกล้องจุลทรรศน์เราจะเห็นลายเป็นลอนๆ อยู่ด้านนอก ซึ่งลายของมันก็จะบอกถึงสุขภาพของเส้นผมเราได้ด้วยเช่นกัน

ที่มา Man Q, Zhang L, Cho Y, 2021

ที่มา ESSENTIQUE
จากการศึกษาพบว่าคนเราจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 50-100 เส้น ต่อวัน เพราะฉะนั้นถ้าเราเห็นผมเราร่วงลงมาหลายเส้น ก็ไม่ต้องไปตกใจกลัวอะไรขนาดนั้น ตราบใดที่ผมของเรายังมีการขึ้นมาทนแทนได้มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งการขึ้นและการร่วงของเส้นผมที่จริงแล้วมันมีวัฏจักร (Cycle) ของมัน และเส้นผมแต่ละเส้นบนศีรษะเราก็จะอยู่ในช่วงระยะที่แตกต่างกันไป โดยจะแบ่งเป็นระยะการเจริญเติบโตทั้งหมด 4 ระยะดังนี้
ระยะที่ 1: Anagen
เป็นระยะเริ่มแรกสุดของเส้นผม เป็นช่วงที่ผมกำลังเจริญเติบโต โดยได้รับสารอาหารจากทางหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกับรากผม เส้นผมในระยะนี้จะถูกพบเจอได้เยอะที่สุดอยู่ที่ประมาณ 85-90% เส้นผมจะอยู่ในระยะนี้ 3-5 ปีในวัยผู้ใหญ่ และอาจใช้เวลานานถึง 7 ปีในวัยเด็ก หมายความว่ายิ่งอายุเรามากขึ้น ระยะเจริญเติบโตนี้ก็จะสั้นลง รากผมที่คอยยึดผมเราไว้กับหนังศีรษะก็จะอ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น
ระยะที่ 2: Catagen
เป็นระยะที่เส้นผมกำลังจะร่วงแล้ว โดยเส้นผมจะค่อยๆแยกออกจากหลอดเลือดที่เคยเชื่อมต่อกันในระยะที่แล้ว พอไม่มีหลอดเลือดมาเชื่อม เส้นผมก็จะขาดสารอาหารเข้ามาดูแล ทำให้สารอาหารเริ่มน้อยลง รากผมเริ่มอ่อนแอ เส้นผมก็เตรียมตัวที่จะร่วงลงมาจากหนังศีรษะ ระยะนี้จะค่อนข้างสั้น อยู่ที่ประมาณ 3 สัปดาห์ และพบได้เพียง 1% ของหนังศีรษะเราเท่านั้น
ระยะที่ 3: Telegen
เป็นระยะที่จะมีการสร้างผมเส้นใหม่ขึ้นมาแทนเส้นเก่า โดยที่จะงอกออกมาดันเส้นเก่าให้หลุดร่วงออกไป เส้นผมในระยะนี้ตะถูกพบประมาณ 10-15% ใช้เวลาในระยะนี้อยู่ที่ประมาณ 2-3 เดือน
ระยะที่ 4: Exogen
เป็นระยะที่ผมได้ร่วงออกจากหนังศีรษะอย่างสมบูรณ์ และมีผมใหม่งอกขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในบางครั้งเราก็จะพบระยะนี้ไปรวมกับระยะ Telegen ทำให้มีเพียงแค่ 3 ระยะเท่านั้น

ที่มา healthline
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผมร่วง
สิ่งที่เป็นสาเหตุให้เกิดผมร่วงมีเยอะมาก ตั้งแต่ปัจจัยจากภายในร่างกายเราจนไปถึงปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก จากที่ผู้เขียนได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลมาจะมีปัจจัยหลักๆที่เกี่ยวข้องดังนี้
พันธุกรรม
ในสมัยนี้ ด้วยเทคโนโลยีการถอดรหัสทางพันธุกรรมทำให้เรารู้ว่า รหัสทางพันธุกรรมมีผลต่อการเกิดผมร่วงได้ มีการศึกษาพบว่า การกลายพันธุ์ (Mutation) ของรหัสพันธุกรรมหรือยีน (Gene) ที่ชื่อว่า Androgen Receptor (AR), Lanosterol Synthase (LSS) และ Adenomatosis Polypopsis Down-Regulated 1 (APCDD1) จะทำให้เกิดผมร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ก็จะมียีนที่เกี่ยวข้องกับผมและเส้นขนบนร่างกาย รวมไปถึงยีนที่ทำให้เกิดโรคศีรษะล้านในผู้ชาย (Androgenic Alopecia) เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันด้วย
เทโลเมียร์ (Telomere)
เทโลเมียร์คือชิ้นส่วนที่อยู่บริเวณปลายสุดของแท่งโครโมโซมในร่างกาย สำหรับคนที่เรียนในสายวิทยาศาสตร์ชีวภาพหรือสุขภาพมา มักจะชอบอวยพรให้เพื่อนด้วยกันว่า “ขอให้เทโลเมียร์ยาวๆนะ” เพราะมีการศึกษาพบว่าความยาวของเทโลเมียร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับการชรา (Aging) ของร่างกายอย่างมีนัยสำคัญ ง่ายๆคือ ยิ่งสั้น ยิ่งแก่เร็ว เช่นเดียวกับเส้นผมของเรา ถ้าเทโลเมียร์ของเรายิ่งสั้น จะทำให้มีโอกาสผมร่วงได้มากขึ้น

ที่มา InsideTracker
ฮอร์โมน (Hormone)
ฮอร์โมนคือสารเคมีที่มีไว้เพื่อส่งสัญญาณระหว่างส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อควบคุมให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ถูกสร้างจากต่อมไร้ท่อ ทำให้เวลาเราพูดถึงระบบต่อมไร้ท่อ ก็จะมีฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มีการศึกษาพบว่า เมื่อต่อมไทรอยด์ (Thyroid) ทำงานน้อยกว่าปกติ (Hypothyroidism) หรือมากกว่าปกติ (Hyperthyroidism) จะทำให้เกิดภาวะผมร่วง (Hair loss) ได้ โดยจะทำให้ผมแห้ง เปราะ และบาง ทำให้การเจริญเติบโตของผมช้าลง และร่วงในที่สุด
การอดอาหาร
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วตอนต้นบทความ เส้นผมมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบถึง 95% รวมกับสารอาหารอื่นๆ ดังนั้นการอดอาหารย่อมส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผมอยู่แล้ว ถ้าเราอดอาหารไม่ว่าจะมาจากการที่อาหารไม่เพียงพอหรือต้องการจะลดน้ำหนักจนสารอาหารไม่พอกับการหล่อเลี้ยงเส้นผม ก็จะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น
ความเครียดและการนอนหลับ
เมื่อเราเครียด ร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดมากขึ้น ในทางกลับกันก็จะลดการหลั่งฮอร์โมนต้านความเครียด (Dehydroepiandrosterone, DHEA) ลง ส่งผลต่อการนอนหลับทำให้หลับไม่ลึก คุณภาพการนอนหลับไม่ดี และเมื่อการนอนหลับของเราไม่มีคุณภาพมากพอ ก็จะมีผลทำให้ Growth Hormone หรือฮอร์โมนที่มีผลต่อการซ่อมแซมร่างกาย (Repair) และชะลอความแก่หลังน้อยลง ทำให้สภาพร่างกายโดยรวมของเราดูโทรมขึ้น มีเส้นผมที่อ่อนแอขาดหลุดร่วงได้ง่าย และยังทำให้มีหงอกขึ้นด้วย ถ้าจะให้ดีควรจะเริ่มนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม เพราะช่วงเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 2 โดยประมาณจะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone และควรจะมีการหลับลึกอย่างน้อย 15 นาที ถ้าอยากตรวจสอบคุณภาพการนอนของเราใยปัจจุบันว่าดีมั้ย หลับลึกกี่นาที สามารถวัดได้ด้วยการใส่ smart watch นอน แล้วตื่นขึ้นมาดูค่าในตอนเช้าของวันถัดไป
เมทาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)
ภาวะนี้จะประกอบด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน มีการศึกษาพบว่ากลุ่มคนที่มีศีรษะล้าน ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย มักจะมีโรคในกลุ่มนี้พ่วงติดมาด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราอ้วน สมดุลร่างกายจะแย่ลง การไหลเวียนโลหิตไม่ดี ส่งผลต่อการส่งและหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ผมก็จะร่วงได้มากขึ้น ซึ่งเราควรมีปริมาณไขมันในร่างกาย (Body fat) อยู่ที่ไม่เกิน 28% ในผู้ชาย และ 32% ในผู้หญิง ก็จะลดการเกิดภาวะผมร่วงได้
และแน่นอนว่าสุขภาพร่วงกายโดยภาพรวมของเราก็จะดีขึ้นด้วย
การตั้งครรภ์
ระหว่างที่ตั้งครรภ์แม่จะต้องแบ่งสารอาหารบางส่วนไปให้ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และอื่นๆ รวมไปถึงระบบฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดอาการผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย ดังนั้น คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรจะต้องมีสารอาหารเสริมเข้าไปมากกว่าคนปกติ เพื่อที่จะเพียงพอต่อการเลี้ยงดูลูกในครรภ์และเพียงพอต่อการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รวมไปถึงเส้นผมด้วย
การทำผม
การทำผมแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดัดผม การทำสีผม หรือแม้กระทั่งการสระผมแรงๆ จะทำให้โครงสร้างของเส้นผมถูกทำลายด้วยความร้อนและสารเคมี และแรงกระทำต่อเส้นผม ยิ่งถ้าใครมีการทำผมเป็นประจำ ก็จะทำให้เส้นผมถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หนังศรีษะไม่แข็งแรง เส้นผมเปราะบาง และขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ได้ทำผมเป็นประจำ อีกอย่างนึงคือ ถ้าเราไว้ผมยาวมากๆ ก็จะไปเพิ่มน้ำหนักและภาระให้หนังศรีษะมากขึ้น ทำให้ผมร่วงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
อนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อม
อนุมูลอิสระมักจะมาในรูปแบบสารพิษจากสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ควัน แสงแดด PM2.5 ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เซลล์เร่งกระบวนการแก่ชรามากขึ้น และเมื่อเราพาร่างกายไปพบเจอกับมลภาวะบ่อยๆ โดยที่ไม่ได้ป้องกัน ความเสียหายของเซลล์จากการทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะมีมากขึ้น ทำให้ร่างกายแก่ชราเร็วขึ้นอีก และสุขภาพเส้นผมก็จะอ่อนแอลง เกิดผมแห้งเสีย และขาดหลุดร่วงได้ง่าย
สารอาหารที่จำเป็นต่อการดูแลเส้นผม
สารอาหารที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเส้นผมนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จากการที่ผู้เขียนได้รวบรวมมา จะมีตัวที่สำคัญดังนี้ และผู้เขียนต้องบอกก่อนว่า สำหรับใครก็ตามที่ต้องการดูแลเล็บหรือขนในร่างกาย ก็สามารถใช้สารอาหารและวิธีการดูแลตามที่กล่าวมานี้ได้เช่นกัน เพราะมีองค์ประกอบที่คล้ายกันมาก
โปรตีน
และอีกครั้ง ด้วยความที่เส้นผมของคนเราประกอบไปด้วยโปรตีนถึง 95% ทำให้โปรตีนคือหนึ่งในสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อการดูแลเส้นผม ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องบริโภคโปรตีนให้เพียงพอ โดยคนทั่วไปต้องการปริมาณโปรตีนอยู่ที่ 0.8-1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน
สังกะสี
มีส่วนสำคัญมากในการดูแลเส้นผม มีส่วนช่วยให้ต่อมไขมันในเส้นผมหรือ Sebaceous gland ทำงานได้ดีขึ้น และยังมีส่วนสำคัญต่อการผลิตเอนไซม์ในร่างกายอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกายไม่สามารถสร้างสังกะสีเองได้ ร่างกายต้องบริโภคเข้าไปเท่านั้น แหล่งที่พบมากก็จะอยู่ในอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม (ซึ่งก็มีคอเลสเตอรอลมากเช่นกัน) หรือผักใบเขียว
ไบโอติน (Biotin)
หรือที่เรียกว่า Vitamin B7 หรือ Vitamin H จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มความแข็งแรงของ ผม ขน และ เล็บ โดยการเสริมสร้างเคราตินซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบหลักของโครงสร้างเหล่านี้ นอกจากนั้นยังเสริมสร้างระบบประสาท ลดไขมันไม่ดี และเพิ่มไขมันดีในร่างกายอีกด้วย
วิตามินซี
เป็นวิตามินที่เรียกได้ว่าเป็นตัวตึงแห่งการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ถ้าจะให้เลือกสารต้านอนุมูลอิสระมาซักตัวแล้วล่ะก็ วิตามินซีนี่แทบจะเป็นพ่อทุกสถาบันเลย ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการชะลอความแก่ของร่างกาย ผมร่วง ผมหงอกก็จะเกิดขึ้นช้าลง มีความสามารถในการต่อต้านการอักเสบโดยรวม ลดการถูกทำลายของเส้นผม แถมยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของคอลลาเจน (Collagen) อีกด้วย
กรดโฟลิค (Folic acid) / โฟเลต (Folate)
ทั้งสองตัวนี้เป็นวิตามินที่บางครั้งถูกเรียกว่าเป็น Vitamin B9 หรือ Vitamin F แต่จริงๆแล้วแอบมีความแตกต่างกันนิดหน่อย คือ โฟเลตจะเป็นวิตามินที่อยู่ในธรรมชาติ ส่วนกรดโฟลิคจะเป็นวิตามินที่สังเคราะห์ขึ้นมา วิตามินชนิดนี้จะมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์ต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เซลล์เลือด เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์กระดูก รวมไปถึงเซลล์ผม นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเด็ก คุณหมอเลยมักจะให้คุณแม่ทานวิตามินตัวนี้เสริมในระหว่างที่ตั้งครรภ์
เหล็ก
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นองค์ประกอบสำคัญของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นรงควัตถุหรือเม็ดสีที่ทำให้เม็ดเลือดแดงมีสีแดง ทำหน้าที่จับกับออกซิเจนเพื่อให้เม็ดเลือดแดงขนส่งไปยังส่วนต่างๆทั่วร่างกาย ถ้าธาตุเหล็กไม่เพียงพอ (Iron deficiency) จะส่งผลให้เกิดโลหิตจาง (Anaemia) และออกซิเจนไม่เพียงพอต่อการเอาไปเลี้ยงอวัยวะ รวมไปถึงเส้นผมของเราด้วย มีการศึกษาพบว่าผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางจะส่งผลให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางได้อย่างมีนัยสำคัญ
คุยกันท้ายบทความ
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับผมร่วงแบบเวอร์ชั่นจัดเต็มที่สุดเท่าที่ผู้เขียนจะสามารถรวบรวมข้อมูลมาได้ พยายามสรุปมาให้แบบเข้าใจง่ายจากงานวิจัยต่างประเทศมากมาย หวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม และส่งต่อความรู้เหล่านี้ให้กับคนที่เรารักต่อไป เพื่อสุขภาพเส้นผมที่ดีกันทุกคน
อ้างอิง
Stress and Hair Loss: Is it real? What is the mechanism? — Donovan Hair Clinic (donovanmedical.com)
Seminars in Cutaneous Medicine and Surgery | Hair Loss in Women
Cells | Telomere Biology and Human Phenotype
Annals of Dermatology | Hair Shaft Damage from Heat and Drying Time of Hair Dryer
Dermatologic Clinics | Deficiencies and Supplements
Skin Appendage Disorders | A Review of the Use of Biotin for Hair Loss
International Journal of Trichology | Oxidative Stress in Ageing of Hair
American Academy of Dermatology Association | Every Hair Care
Healthline | What Are the Four Stages of Hair Growth
PLOS Genetics | Genetic prediction of male pattern baldness