ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “เสื้อกาวน์”
ทุกวันนี้ เสื้อกาวน์ แทบจะเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของบุคลากรทางการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ไปแล้ว ว่าแต่ว่าเสื้อกาวน์มีกี่ชนิดบ้าง แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร และมีข้อปฏิบัติในการใช้งานอย่างไร เราจะมาไขข้อสงสัยผ่านบทความนี้กัน
เสื้อกาวน์คืออะไร?
เสื้อกาวน์ (Laboratory coat/gown) ถูกคิดค้นขึ้นมาให้นักวิทยาศาสตร์สวมใส่ระหว่างที่ทำการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีอันตรายต่างๆ รวมไปถึงเชื้อโรคที่อาจกระเด็นมาสู่ร่างกายได้ นอกจากนั้นยังใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานคลุกคลีอยู่กับผู้ป่วย โดยเสื้อกาวน์จะเป็นเหมือนเกราะป้องกันชั้นต้นที่ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสัมผัสกับเชื้อโรคของผู้ป่วยโดยตรง รวมทั้งสารคัดหลั่ง เลือด หนอง และอื่นๆที่อาจจะมีเชื้อโรคแฝงตัวอยู่ในนั้นด้วย
ชนิดของเสื้อกาวน์ และการใช้งาน
เสื้อกาวน์จะแบ่งได้เป็น 4 ชนิดหลักๆ ซึ่งจะแตกต่างตามลักษณะการใช้งาน โดยขึ้นอยู่กับวัสดุหรือสารที่เราทำงานคลุกคลีอยู่ด้วย ดังนี้

ที่มา :Bulwark Flame Resistant Nomex Lab Coats
1. Flame-Resistant Laboratory Coat
เสื้อกาวน์ที่ช่วยป้องกันร่างกายของผู้สวมใส่จากการเกิดประกายไฟได้ ซึ่งเสื้อกาวน์ชนิดนี้ควรสวมใส่เมื่อกำลังทำงานกับวัสดุที่สามารถลุกไหม้ติดไฟได้เองรวมไปถึงการปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงจะสัมผัสกับเปลวไฟ

ที่มา : Amazon
2. Knit-Wrist Laboratory Coat
เสื้อกาวน์ชนิดที่สีขาวแบบทั่วไปที่มีการถักที่ปลายแขนให้เป็นแบบจั๊มรัดข้อมือ สำหรับผู้ที่กังวลว่าปลายแขนเสื้อแบบเปิดปกติจะรบกวนระหว่างที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ

ที่มา :Doctor Stranger
3. Traditional Laboratory Coat
เสื้อกาวน์สีขาวที่ใส่ทำงานทั่วไปในห้องปฏิบัติการ

ที่มา : Fluid Resistant Scrub Lab Coat
4. Fluid-Resistant Laboratory Coat
เสื้อกาวน์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายจากสารอินทรียวัถตุ เลือด สารคัดหลั่ง และวัสดุติดเชื้ออื่นๆ (Potentially Infectious Materials/OPIM) ในกรณีที่มีสารดังกล่าวกระเด็นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ข้อควรระวัง
เนื่องจากเสื้อกาวน์เป็นชุดที่มีโอกาสปนเปื้อนสูง ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรต้องสวมใส่อย่างระมัดระวัง ทางที่ดีที่สุดคือทำตามข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด เลือกใช้เสื้อกาวน์ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน และถอดเสื้อกาวน์ทันทีหลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนอยู่กับเสื้อกาวน์ไปสู่ผู้คนด้านนอก