ริชาร์ด ฟายน์แมน (Richard Feynman) เป็นนักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน เป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เมื่อปี ค.ศ. 1965 ในหัวเรื่องการศึกษา ควอนตัม อิเล็กโทรไดนามิกส์ (QED) ที่รวมเอากลศาสตร์ควอนตัม ทฤษฎีสัมพัทธภาพ และทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าด้วยกัน ซึ่งถือว่าฟายน์แมนเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งในวงการวิทยาศาสตร์เลยก็ว่าได้ แต่ภาพจำของผู้คนที่นึกถึงเขา มักจะไม่ใช่ภาพของหนุ่มเนิร์ด หรือนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง แต่ผู้คนจะนึกถึงหน้าตาของชายอารมณ์ดี ที่สอนหนังสือก็สนุก ตีกลองก็มันส์ ความรักก็สุดแสนโรแมนติก เพราะนักวิทยาศาสตร์ก็คือคน ๆ หนึ่งที่มีชีวิตที่หลากหลายรูปแบบ ในแบบของตัวเขาเอง และชีวิตของฟายน์แมนก็มีความน่าค้นหาไม่ใช่น้อย จึงมีการนำเรื่องราวในชีวิต รวมถึงความคิดของเขา มาเขียนเป็นหนังสืออยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุด สำนักพิมพ์ยิปซี ออกหนังสือแปลไทยเล่มใหม่ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับริชาร์ดฟายน์แมน ชื่อว่า ความสนุกอยู่รอบตัวเรา – The Pleasure of Finding Things Out เพื่อนำมาจำหน่ายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 27 ซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 12 – 23 ตุลาคม ค.ศ. 2022 โดยในวันที่ 13 ตุลาคม ทางสำนักพิมพ์ยิปซีได้รับโอกาสในการขึ้นเสวนาบนเวทีกลางของงานเกี่ยวกับหนังสือเล่มดังกล่าว พร้อมทั้งยังเชิญ ดร.ภาณุ ตรัยเวช บรรณาธิการพิเศษหนังสือเล่มนี้ ที่เคยศึกษาอยู่ที่ สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หรือ แคลเทค ซึ่งริชาร์ด ฟายน์แมน เคยทำงานเป็นอาจารย์ที่นั่น รวมถึงยังเชิญนายธนกฤต ศรีวิลาศ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเพจ The Principia และเว็บไซต์ theprincipia.co ในฐานะนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับ ริชาร์ด ฟายน์แมน ในครั้งนั้นด้วย

ที่มา Peeranath Watthanasean – The Principia
มุมมองของ ริชาร์ด ฟายน์แมน ต่อโลกใบนี้
เพื่อนศิลปินคนหนึ่งเคยบอกกับ ริชาร์ด ฟายน์แมน ว่าศิลปินอย่างเขาเห็นความสวยงามของดอกไม้อย่างถ่องแท้ ต่างจากนักวิทยาศาสตร์อย่างฟายน์แมน ที่สุดท้ายแล้วคงจะเอาดอกไม้ไปผ่าดูด้านใน ชำแหละจนเห็นไส้ เห็นพุง และสุดท้ายก็ทำให้ดอกไม้กลายเป็นของน่าเบื่อ แต่ฟายน์แมนไม่เห็นด้วย เพราะเขาบอกว่าเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เห็นความสวยงามของดอกไม้ไม่ต่างจากคนอื่นแน่นอน แต่สิ่งที่วิทยาศาสตร์มีผลต่อดอกไม้ตรงหน้าคือ มันทำให้เขารู้ว่ายังมีสิ่งเล็ก ๆ ที่ซับซ้อน ซุกซ่อนอยู่ภายในดอกไม้แต่ละดอก มันมีเซลล์ที่ช่วยสรรค์สร้างสีสันให้กับดอกไม้ ซึ่งวิวัฒนาการทำให้ดอกไม้สร้างสีสันเหล่านี้มาเพื่อล่อแมลงให้ช่วยผสมเกสร นั่นหมายความว่าแมลงก็เห็นสีสันเหมือนกัน แล้วมันรู้จักความสวยงามเหมือนกันหรือเปล่า? คำถามเหล่านี้มันต่อยอดได้เรื่อย ๆ จนทำให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติได้สวยงามมากยิ่งขึ้น ผ่านมุมมองของวิทยาศาสตร์ ซึ่งการอ่านหนังสือ ความสนุกอยู่รอบตัวเรา – The Pleasure of Finding Things Out ก็จะทำให้เราเห็นภาพมุมมองวิทยาศาสตร์นี้ ในสายตาของ ริชาร์ด ฟายน์แมน ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่เขาเคยนำไปเล่าตามที่ต่าง ๆ

ที่มา สำนักพิมพ์ยิปซี
นอกจากมุมมองที่น่าสนใจของเขา ความคิดอันเป็นอัจฉริยะของเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ที่เขาได้รับนั้น มาจากการอธิบายสิ่งที่ลึกลับมากสิ่งหนึ่งในโลกของฟิสิกส์ นั่นคือ กลศาสตร์ควอนตัม โดยเขาอธิบายมันได้ด้วยภาษาจักรวาลอย่างคณิตศาสตร์ ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของอนุภาคมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฟายน์แมนยังได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งนาโนเทคโนโลยีอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนลงมือประดิษฐ์นาโนเทคโนโลยีด้วยตนเอง แต่เขาคือผู้ที่จุดประกายนักวิจัยจำนวนมากให้หันมาสนใจกับเทคโนโลยีขนาดเล็ก ๆ จากองค์ความรู้ที่มีอยู่แล้วบนโลกใบนี้แบบไม่ต้องคิดค้นทฤษฎีอะไรใหม่ ๆ โดยในครั้งหนึ่งเขาเคยเสนอเงินรางวัลสูงถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อมอบให้กับผู้ที่สามารถประดิษฐ์มอเตอร์ที่ทำงานได้จริง และมีขนาดเล็กเพียง 1/64 นิ้ว กับเงินรางวัลอีก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ที่สามารถบันทึกข้อมูลจากกระดาษหน้าหนึ่ง ลงบนพื้นที่ที่เล็กกว่ากระดาษหน้านั้น 1/25,000 เท่า แม้ว่ารางวัลจะมีให้สำหรับสองคนเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีผู้ที่ให้ความสนใจ และพัฒนานาโนเทคโนโลยีอยู่มากมาย ซึ่งเหตุผลก็มาจากการจุดประกายให้เห็นถึงประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเล็ก ๆ ที่ฟายน์แมนเคยกล่าวไว้นั่นเอง
อีกสิ่งสำคัญที่ฟายน์แมนเคยทิ้งไว้ให้กับโลกใบนี้ คือการเป็นส่วนหนึ่งในโครงการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่ชื่อว่าโครงการแมนฮัตตัน สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนอกจากการทำงานด้านการคำนวณทางฟิสิกส์แล้ว ยังมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นั่น เช่น เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มองการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกด้วยตาเปล่า การปรับปรุงนโยบายทางทหารในโครงการจากนักวิทยาศาสตร์ธรรมดาแบบเขาเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง รวมถึงการฝึกไขรหัสตู้นิรภัยจนเขากลายเป็นนักไขตู้ประจำโครงการแมนฮัตตันไปโดยปริยาย ซึ่งสามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมภายในหนังสือ ความสนุกอยู่รอบตัวเรา – The Pleasure of Finding Things Out ได้

ที่มา Caltech Digital Collections
มุมมองของเราต่อ ริชาร์ด ฟายน์แมน
ในฐานะศิษย์เก่าของแคลเทค หรือ สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ดร.ภาณุ ตรัยเวช จึงได้เล่าถึงบรรยากาศภายในสถาบันแห่งนี้ในปัจจุบัน ว่ายังคงมีการพูดถึงฟายน์แมน มีภาพวาดของเขา รวมถึงหนังสือเรียนที่เขาเป็นคนเขียน วนเวียนอยู่กับนักศึกษาที่นั่นจนเป็นเหมือนกับวัฒนธรรมของคนในแคลเทค ถึงแม้ว่า ดร.ภาณุ จะไม่ทันได้ร่ำเรียนกับอาจารย์ฟายน์แมน แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าวิธีการสอนของครูคนเก่งคนนี้ยังคงส่งผลถึงการเรียนการสอนฟิสิกส์ในปัจจุบันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ในมุมมองของ ดร.ภาณุ แล้ว ถ้าหากว่า ริชาร์ด ฟายน์แมน ยังคงมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ มีอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงข้อมูลได้เเป็นล้าน ๆ อย่าง และมีโซเชียลมีเดียที่เชื่อมผู้คนเข้าด้วยกัน ฟายน์แมนไม่มีทางพลาดที่จะใช้งานสิ่งเหล่านี้ เพราะเขาเป็นคนที่มีความสงสัยใคร่รู้ในสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา และฟายน์แมนเป็นคนที่มีความสนุกกับเรื่องราวของคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยุคสมัยของเขาแล้ว การใช้งานเทคโนโลยีในยุคนี้ต้องทำให้เขาถูกอกถูกใจอย่างแน่นอน
ส่วนในความคิดเห็นของหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเพจ The Principia อย่างคุณธนกฤต ก็คิดว่าในยุคสมัยนี้มีการสนับสนุนการสื่อสารวิทยาศาสตร์มากขึ้น และเครื่องมือต่าง ๆ ก็ช่วยให้การสื่อสารวิทยาศาสตร์มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หาก ริชาร์ด ฟายน์แมน มีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการเล่าเรื่องยากให้ง่าย แถมยังสนุกสนาน น่าจะทำให้การสื่อสารวิทยาศาสตร์ของฟายน์แมนเข้าถึงผู้คนในวงกว้างมากขึ้น และคนในสังคมทั่วโลกน่าจะเกิดความตระหนักรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น กลุ่มคนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน กลุ่มคนที่เชื่อว่าโลกกลม หรือกลุ่มคนที่ไม่เชื่อเรื่องภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ก็น่าจะมีจำนวนลดน้อยลงไป

ที่มา Peeranath Watthanasean – The Principia
ทิ้งท้าย
เป็นเรื่องที่น่าอิจฉามากสำหรับคนในยุคปัจจุบันอย่างเราที่จะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นใหม่ ๆ ที่ฉลาดและแยบยลจากเขาอีก แต่การมีอยู่ของ ริชาร์ด ฟายน์แมน ก็ทำให้เกิดองค์ความรู้ เรื่องราว ความทรงจำมากมาย ที่ทรงคุณค่าให้กับโลกใบนี้ สิ่งที่เขาทิ้งไว้สามารถต่อยอดสร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์ได้มากมาย ทั้งวิธีการสอนหนังสือ ทั้งความรู้จากสิ่งที่เขาค้นพบ หรือมุมมองที่เขามีต่อโลกใบนี้ หวังว่าคนอย่าง ริชาร์ด ฟายน์แมน จะเป็นแรงบันดาลให้หลาย ๆ คนใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน และมองโลกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์นะครับ