ค้างคาวเป็นสัตว์ที่ออกหากินเวลากลางคืนด้วยทักษะการบินและการปล่อยคลื่นเสียงโซนาร์ ทำให้ค้างคาวสามารถออกหาอาหารได้ในเวลากลางคืนที่แทบจะไร้แสงสว่าง โดยอาหารหลักของสัตว์พวกนี้คือผลไม้สุกที่มีอยู่มากมายในป่า

ที่มา : https://www.gtnpf.org/park-biologists-take-closer-look-bats/
แต่จากการเฝ้าดูของ Francisco Sánchez และทีมพบว่าค้างคาวจะพยายามหลีกเลี่ยงผลไม้ที่สุกเกินไป ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปริมาณเอทานอลแอลกอฮอลล์ของผลไม้ที่เริ่มก็ตัวขึ้นในผลไม้สุก หากค้างคาวทานแอลกอฮอลล์ที่มีมากเกินไปในผลไม้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการบิน แบบเดียวกับที่เราเมาไม่ขับกันนั่นเอง
ต่อมาข้อสันนิษฐานนี้ได้รับการไปต่อยอดกลายเป็นงานวิจัยจริงจัง จนสามารถคว้ารางวัลอิกโนเบล (Ig nobel) รางวัลที่มอบให้แก่ผู้สรรค์สร้างผลงานที่ฟังดูอาจน่าขบขันแต่กลับชวนให้เราต้องคิดตาม สาขาการบินประจำปี 2025 ได้สำเร็จ

ที่มา : https://www.udesc.br/noticia/programa_de_extensao_com_ciencia_fara_live_sobre_a_premiacao_do_ignobel_nesta_quinta
ตามปกติแล้วสัตว์ต่าง ๆ เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก และแมลงบางชนิดที่ได้รับประทานเอทานอลแอลกอฮอลล์จากผลไม้สุกเป็นประจำ ซึ่งจากข้อมูลการศึกษานี้เราก็น่าจะทราบได้ในทันทีว่า ‘ค้างคาวก็เมาได้’ แต่งานวิจัยนี้ก็ยังได้ต่อยอดการศึกษาถึงผลกระทบของความเมาที่มีต่อค้างคาวอย่างละเอียดมากขึ้น
โดยทีมวิจัยได้ทำการทดลองกับค้างคาวผลไม้เพศผู้โตเต็มวัยที่ถูกขังไว้ในกรงกลางแจ้งที่ทำหน้าที่เป็นทางยาวเหมือนรันเวย์เครื่องบินแบบย่อม ๆ และให้อาหารที่มีเอทานอลแอลกอฮอลล์ในปริมาณแตกต่างกันแล้วปล่อยลงในทางเดิน เพื่อจับเวลาที่ค้างคาวแต่ละตัวใช้ในการบินจากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
นอกจากนี้พวกเขายังทดลองครั้งที่สองโดยใช้วิธีเดียวกัน แล้วเพิ่มการบันทึกเสียงร้องของค้างคาวที่กินเอทานอลแอลกอฮอลล์ในปริมาณที่แตกต่างกันเพิ่มไปด้วย จนพบว่าค้างคาวกลุ่มที่บริโภคเอทานอลแอลกอฮอลล์จำนวนมากจะใช้เวลาในการบินกลับมายังจุดหมายนานกว่า และมีคุณภาพเสียงโซนาร์ที่แย่กว่ากลุ่มที่เมากรึ่ม ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าค้างคาวที่เมาหัวราน้ำพวกนี้มีประสิทธิภาพในการบินที่แย่กว่า และมีโอกาสชนสิ่งกีดขวางระหว่างบินที่สูงกว่าจริง
การทดลองในครั้งนี้แม้ดู ๆ ไปแล้วไม่น่ามีประโยชน์อันใดต่อพวกเราเลยแม้แต่น้อยในตอนนี้ แต่ก็ถือเป็นสีสันสำหรับวงการวิชาการที่ค่อนข้างเคร่งเครียดตามสโลแกนของงาน อิกโนเบล ที่ตั้งมาล่อกับงานประกาศรางวัลด้านงานวิจัยที่ทรงเกียรติอย่างรางวัลโนเบล ซึ่งก็อีกไม่แน่ในอนาคตงานวิจัยที่แสนปั่น ๆ แบบนี้อาจจะช่วยพวกเราในการพัฒนานวัตกรรมอะไรก็ได้ (มั้ง)
อ้างอิง
https://arstechnica.com/science/2025/09/meet-the-2025-ig-nobel-prize-winners




