ที่ผ่านมา เราอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรืออาจจะเคยลิ้มลองเมนูอาหารพื้นบ้านจากภาคอีสานและภาคเหนือที่ชื่อว่า “แกงไข่ผำ” หรือ “แกงไข่น้ำ” (ที่ไม่ใช่แกงจืดใส่ไข่เจียวนะ) กันมาบ้าง แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไอ้เจ้าพืชไข่ผำเล็ก ๆ เขียว ๆ จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นที่สนใจในฐานะ Superfood ในอนาคตอีกด้วย มันไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร เราจะมาหาคำตอบผ่านบทความนี้กัน

ที่มา จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยแม่โจ้
ทำความรู้จักกับ “ไข่ผำ”
“ไข่ผำ” “ผำ” หรือ “ไข่น้ำ” (Wolffia globosa / Watermeal) เป็นพืชดอกที่มีขนาดเล็กและเจริญเติบโตได้รวดเร็วที่สุดในโลก อยู่ในวงศ์ Lemnaceae โดยต้นที่โตแบบสมบูรณ์จะมีขนาดเพียงแค่ประมาณ 1 มิลลิเมตรต่อต้นเท่านั้น ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวรูปทรงกลมรีเหมือนไข่ ไม่มีราก ไม่มีใบ สามารถกินได้ทั้งต้น มักจะพบไข่ผำลอยตัวปกคลุมอยู่บนพื้นผิวของแหล่งน้ำต่าง ๆ เช่น หนองบึงหรือแหล่งน้ำขัง อยู่เป็นกลุ่มใหญ่มากจนมองเห็นเป็นพื้นน้ำสีเขียว

ที่มา The Holistic Chef
Superfood แห่งอนาคต
ไข่ผำ เป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง รวมถึงเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่สำคัญ โดยมีถึง 20-30% ของน้ำหนักแห้ง มีปริมาณแป้งอยู่ที่ 10-20% ไขมัน 1-5% และเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์อยู่ที่ประมาณ 25% ถึงแม้ว่าปริมาณไขมันของไข่ผำจะค่อนข้างน้อย แต่สัดส่วนของไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นอย่างโอเมก้า 3 มีสูงถึง 60% ของปริมาณไขมันทั้งหมด นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งวิตามินที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน เอ บี ซี อี โฟเลต มีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสารพฤกษเคมี (Phytonutrients) หลายชนิด เช่น ลูทีน และ ซีแซนทีน ทั้งหมดนี้จึงทำให้ไข่ผำเป็น Superfood ที่น่าสนใจ จากก่อนหน้าที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารสัตว์ จนปัจจุบันก็นิยมนำมาประกอบอาหารและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบต่างๆมากมาย รวมถึงอาหารเสริม เช่น โปรตีนผง อีกด้วย และยังได้มีการสร้างสรรค์เมนูจากไข่ผำที่หลากหลายมากขึ้น เช่น แกงไข่ผำ ยำไข่ผำ ไข่เจียวใส่ไข่ผำ แถมล่าสุดได้มีการใส่ไข่ผำกับขนม อย่าง แพนเค้ก หรือเครื่องดื่มปั่นกันแล้ว เรียกได้ว่า ไข่ผำกินกับอะไรก็อร่อยทั้งของคาวและของหวานเลยทีเดียว

ที่มา จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยแม่โจ้

ที่มา Jinta Homemade Icecream
จากอาหารพื้นบ้านสู่อาหารอวกาศ
นอกจากการเป็น Superfood แห่งอนาคตบนโลกแล้ว ยังได้มีการเสนอนำไข่ผำไปเป็นพืชสำหรับการพยุงชีพนักบินอวกาศเพื่อการปฏิบัติภารกิจระยะยาวบนอวกาศอีกด้วย ด้วยความที่ตัวพืชไข่น้ำมีคุณค่าทางโภชนาการสูง วงชีวิตสั้น เจริญเติบโตได้รวดเร็ว สามารถกินได้ทั้งต้น และยังสามารถสะสมโลหะหนักซึ่งเป็นประโยชน์ในการบำบัดน้ำเสีย จึงมีความเหมาะสมสำหรับการขนส่งเพื่อไปผลิตอาหารและออกซิเจนบนอวกาศ และเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา เป็นที่น่าภาคภูมิใจที่ทีมของนักวิจัยไทยได้รับเลือกให้รับทุนสนับสนุนงานวิจัยด้านไข่ผำ เพื่อศึกษาการตอบสนองของพืชไข่น้ำภายใต้สภาวะแรงโน้มถ่วงสูง (Hypergravity) ในชื่อโครงการว่า “Watermeal, the Future Food Source for Space Exploration” ภายใต้โครงการ HyperGES โดย United Nation/European Space Agency Fellowship ทีมนักวิจัยนำโดย หัวหน้าโครงการฯ อาจารย์ ดร.ทัฏพงศ์ ตุลยานนท์ กลุ่มสาขาชีวนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพอัจฉริยะ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตามด้วย นางสาวสุธามาศ สาดทอง นักศึกษาปริญญาตรี กลุ่มสาขาชีวนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพอัจฉริยะ คณะวิทยาศาสตร์ นายนพพล โสมณวัฒน์ นักศึกษาปริญญาตรี ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ นางณัชชา จิตสุข นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ และนายวัฒนพงศ์ สิทธิเสรี นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มา Mahidol University
โอกาสทางธุรกิจ
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการของพืชไข่ผำ จึงนำมาสู่การต่อยอดทางธุรกิจต่างๆมากมาย หนึ่งในบริษัทที่มาแรงในช่วงนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็ต้องเป็นบริษัท Advance GreenFarm เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านการเกษตรสัญชาติไทยที่เน้นการเพาะเลี้ยงพืชไข่ผำ ที่เพิ่งได้รับเงินลงทุนจำนวน 28 ล้านบาท จากการระดมทุนในรอบ Seed Round เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเงินจำนวนนี้ทางบริษัทจะนำไปวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชไข่ผำภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า flo Wolffia เพื่อขยายตลาดในอนาคตต่อไป โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของบริษัทนี้คือการพัฒนาระบบเลี้ยงและเก็บเกี่ยวพืชไข่ผำให้มีปริมาณโปรตีนมากกว่า 40% ของน้ำหนักแห้ง ซึ่งถือว่าสูงกว่าปริมาณโปรตีนจากพืชชนิดอื่นๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วควีนัว และถั่วลันเตา

ที่มา NIA
ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ไข่ผำอาจจะได้รับนิยมมากขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในอาหารจานหลัก จานโปรดของผู้รักสุขภาพหลายๆท่านก็เป็นได้
อ้างอิง
UNOOSA HyperGES fellowship | Watermeal, the future food source for space exploration